แม้ว่าการทำ IUI (Intrauterine Insemination) จะเป็นหนึ่งในวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้รับความนิยม เพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง และขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่หลายคู่ยังคงตั้งคำถามว่า “การทำ IUI ให้สำเร็จ ต้องทำอย่างไร?” เพราะความพยายามเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ หากไม่เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกระบวนการนี้
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกถึง ปัจจัย เทคนิค และเคล็ดลับในการเพิ่มอัตราความสำเร็จของ IUI อย่างละเอียด พร้อมแนะนำการดูแลตัวเองก่อน–หลังทำ IUI เพื่อช่วยให้ความฝันของการมีบุตรใกล้ความจริงมากขึ้น
ทำความเข้าใจ IUI ก่อน: พื้นฐานที่คุณต้องรู้
ก่อนจะไปถึงเทคนิคการเพิ่มโอกาส เราควรเข้าใจเสียก่อนว่า IUI คืออะไร
IUI (Intrauterine Insemination) คือ การฉีดเชื้ออสุจิที่ผ่านการคัดกรองเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรงในช่วงที่ไข่ตก เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องฝ่าด่านช่องคลอดหรือปากมดลูกเหมือนการปฏิสนธิธรรมชาติ
วิธีนี้เหมาะกับคู่ที่มีปัญหามีบุตรยากเล็กน้อยหรือไม่รุ่นแรง เช่น:
- ผู้ชายมีอสุจิคุณภาพต่ำ
- ผู้หญิงมีปัญหาตกไข่ไม่ปกติ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ IUI
การจะทำ IUI ให้สำเร็จนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับการฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่ต้องพิจารณา เช่น:
1. คุณภาพของอสุจิ
- จำนวนอสุจิที่เคลื่อนที่ได้ (motile sperm count) ควรมากกว่า 5 ล้านตัวหลังการล้างและเตรียมเชื้อ
- รูปร่างของอสุจิ (morphology) ควรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ความสามารถในการเคลื่อนไหว (motility) เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
หากคุณภาพของอสุจิต่ำมาก อาจพิจารณาใช้ IVF แทน
2. ขนาดไข่ที่เหมาะสม
- ขนาดไข่ที่เหมาะสม IUI อยู่ที่ประมาณ 18–20 มิลลิเมตร
- หากไข่ยังเล็กเกินไป การฉีดอสุจิอาจไม่เกิดผล หรือไข่ไม่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ
แพทย์จะติดตามขนาดไข่ด้วยการอัลตราซาวด์อย่างต่อเนื่องก่อนทำ IUI
3. ความสมบูรณ์ของเยื่อบุโพรงมดลูก
- เยื่อบุโพรงมดลูกควรมีความหนา 7–14 มม. จึงจะเหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
- หากบางเกินไป อาจทำให้การฝังตัวล้มเหลว
4. การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม
- การฉีดเชื้อควรอยู่ในช่วง 36-42 ชั่วโมงหลังการตกไข่
- แพทย์มักใช้การฉีดยาเพื่อกระตุ้นการตกไข่ และนัดวันทำ IUI ให้ตรงกับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
5. การดูแลหลังทำ IUI
- การดูแลร่างกายหลังทำ IUI เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงความเครียด
เทคนิคเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์หลังทำ IUI
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมล่วงหน้า
- หยุดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ลดคาเฟอีน และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- ออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ
2. เลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน
หากคุณสงสัยว่า “ทำ IUI ที่ไหนดี?” คำตอบคือควรเลือกสถานพยาบาลที่:
- มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
- มีห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการเตรียมเชื้อ
- ให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิด
3. หากทำ IUI ไม่ติดในรอบแรก ไม่ควรท้อ
แพทย์มักแนะนำให้ทำต่อเนื่องได้ 3–6 รอบ ก่อนพิจารณาวิธีอื่น เช่น IVF
การทำ IUI กี่ครั้งถึงจะสำเร็จ?
ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
- หากไม่ได้มีภาวะมีบุตรยากระดับรุนแรง ความสำเร็จอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรก
- หากมีปัญหาด้านคุณภาพอสุจิ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกบาง อาจต้องทำซ้ำหลายรอบ
สถิติแสดงว่า:
- 1–3 รอบแรก มีอัตราความสำเร็จรวม 10–15%
- หลังจากรอบที่ 3 อัตราสำเร็จจะเริ่มลดลง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ IUI ให้สำเร็จ
Q: หลังทำ IUI มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม?
A: ได้ หากไม่มีอาการผิดปกติ เพื่อเพิ่มปริมาณอสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น
Q: IUI เลือกเพศได้ไหม?
A: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการทำ IUI ที่สามารถเลือกเพศได้อย่างแน่นอน แต่บางเทคนิคเช่น การคัดแยกอสุจิ XY อาจเพิ่มความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง
Q: ถ้าไข่ตกมากกว่า 1 ใบ จะมีผลอย่างไร?
A: การทำ IUI ได้ไข่ 2 ใบขึ้นไปอาจเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์แฝด จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
IUI เหมาะกับใคร?
- คู่รักที่พยายามมีลูกมานานมากกว่า 1 ปีแต่ไม่สำเร็จ
- ผู้ที่อายุยังไม่มาก (น้อยกว่า 35 ปี)
สรุป: ทำอย่างไรให้ IUI สำเร็จ?
การทำ IUI ให้สำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่โชคหรือความพยายามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในกระบวนการ ความพร้อมของร่างกาย และการเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสม การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำ IUI จะช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายของการมีลูกมากขึ้น คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ IUI